Update
เทศบาลตำบลกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์
แหล่งท่องเที่ยว
วัดสูงทุ่งบัว

วัดสูงเกาะใหญ่ (วัดร้าง) & วัดสูงทุ่งบัว (สำนักสงฆ์)

(พระราชมุณีวิปัสสะกะญานโมลี (สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่))

*************************

                   วัดสูงเกาะใหญ่ (วัดร้าง) มีเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ ตั้งอยู่บนที่ราบเนินเขา ลักษณะพื้นที่แบ่งเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ เช่น กุฎิ ศาลา โรงครัว ส่วนชั้นบนสุดเป็นลานวัด เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ เป็นที่ตั้งอุโบสถ เวลาผ่านมาหลายร้อยปี ปัจจุบันคงเหลือแค่หลักเสมา กับลูกนิมิต ซึ่งสกัดจากหิน วางไว้รอบอุโบสถรวม 8 หลัก นอกจากนี้ยังมีซากเจดีย์เมื่อประมาณ 80-90 ปีมาแล้ว มีนักเล่นพระเครื่อง ไปค้นหาพระเครื่องสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ในรากฐานเจดีย์ ทางทิศตะวันออกมีบันไดก่อด้วยหินขึ้นสู่วัด บันไดเอียงประมาณ 45 องศา หล่อด้วยปูนซีเมนต์ นับได้ 272 ขั้น การขึ้นลงวัดสะดวกกว่าเดิมมาก พระพุทธรูปที่ตกค้างมีอยู่จำนวนมาก คุณเผือก หนูประดิษฐ์ อดีตศึกษาธิการอำเภอระโนด ได้นำไปเก็บไว้ที่วัดเกาะใหญ่จนถึงปัจจุบันนี้

                   ในหนังสือประวัติหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด คุณเผือก หนูประดิษฐ์ ได้กล่าวถึงท่านสมภารเกตุ (สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่) เป็นชาวปัตตานี ได้หนีโรคร้ายกันมากับชาวบ้าน โดยอาศัยเรือเดินทางเลียบริมฝั่งถึงเขาแดง และล่องเข้าทะเลสาบ ท่านสมภารเกตุและชาวบ้านที่ติดตามมาเห็นว่าเกาะใหญ่ อุดมสมบูรณ์ด้วยผลหมากรากไม้ จึงได้ตกลงปลงใจยึดสถานที่แห่งนี้เป็นถิ่นฐานทำมาหากิน ส่วนท่านสมภารเกตุก็ได้ขึ้นไปสร้างวัดที่บนยอดเขาบ้านเกาะใหญ่ (วัดสูงเกาะใหญ่ น่าจะเป็นวัดแรกของเกาะด้วย) เพราะตามหลักฐานที่ปรากฏ วัดสูงเกาะใหญ่ สมัยท่านสมภารเกตุเจริญรุ่งเรืองมาก (ก่อนที่ท่านสมภารเกตุเข้ามาก่อสร้างวัดสูงเกาะใหญ่ท่านเคยอยู่ที่แหลมมาลายู (ปัตตานีในปัจจุบัน))

                   หลังจากสร้างวัดสูงเกาะใหญ่ ท่านสมภารเกตุก็ได้ลงมาสร้างวัดสูงที่บ้านทุ่งบัว (เป็นสำนักสงฆ์) และได้ใช้อิทธิฤทธิ์ดังที่ปรากฎแก่สายตาชาวบ้าน ก่อสร้างกำแพงวัดด้วยหิน หินแต่ละก้อนใหญ่โต ที่เอามาเรียงรายวางซ้อนเป็นชั้นๆจนถึงยอดเขาให้เป็นพื้นที่ราบได้ จึงสร้างเป็นอาคารที่พัก

                   ท่านสมภารเกตุ (สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่) น่าจะเข้ามาอยู่ที่เกาะใหญ่ ประมาณปี พ.ศ. 2100 เพราะเมื่อปี พ.ศ. 2145 ตอนที่หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด บวชเป็นพระที่นครศรีธรรมราช (ที่บ้านท่าแพ) ท่านสมภารเกตุ (สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่) ท่านก็เป็นเจ้าอาวาสที่วัดสูงเกาะใหญ่อยู่แล้ว ตามหลักฐานในหนังสือที่คุณเผือก หนูประดิษฐ์ (อดีตศึกษาธิการอำเภอระโนด) เขียนไว้ว่า ท่านสมภารเกตุ (สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่) รูปหนึ่งในจำนวน 22 รูป ที่เป็นผู้ร่วมทำพิธีในเรือแพที่หลวงปู่ทวดฯ ทำพิธีเข้าอุปสมบทที่นครศรีธรรมราช ได้นิมนต์ท่านไปด้วย และหลักฐานอีกอย่างตามที่คุณเผือก หนูประดิษฐ์ (อดีตศึกษาธิการอำเภอระโนด) เขียนบันทึกไว้มีหลักฐานมาแสดงให้เห็น 2 อย่าง ที่จะนำมาอ้างอิง คือ สมเด็จพระสังฆราช และ พระเจ้าเอกาทศรถ พระเจ้าแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงแต่งตั้งโปรดเกล้าแต่งตั้งสมณะศักดิ์ (เมื่อปี พ.ศ 2149) ให้แก่ท่านสมภารเกตุ (สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่) ให้เป็น “พระราชมุนีวิปัสสกะญานโมลี” (มีรูปอนุสาวรีย์อยู่ที่วัดสูงบ้านทุ่งบัว (เป็นสำนักสงฆ์) ซึ่งคุณปรีชา เตมะศิริ เป็นผู้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2527) พร้อมพระราชทานรางวัล 3 อย่าง ให้แก่สมเด็จเจ้า 5 รูป ดังนี้

                   (1) หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์”

                          - พระราชทานเรือชื่อ “ศรีทศเทพ” 1 ลำ

                          - พระพุทธรูปทองคำนั่งขนาดหน้าตัก 2 นิ้ว 1 องค์ ฐานฝังเพชร

                          - ตราฉลุด้วยงาช้าง 1 ดวง

                   (2) พระสมภารเกตุ (สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่) มีภูมิลำเนาเดิมอยู่จังหวัดปัตตานี เป็น “พระราชมุนีวิปัสสกะญาณโมลี”

                          - พระราชทาน เรือชื่อ “เทพนิมิต” 1 ลำ

                          - พระพุทธรูปทองคำนั่งขนาดหน้าตัก 2 นิ้ว 1 องค์

                          - ตราฉลุด้วยงาช้าง 1 ดวง

                   (3) พระดิษฐ์ วัดบางแก้ว (สมเด็จเจ้าจอมทอง) มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บางแก้ว จังหวัดพัทลุง เป็น “พระราชมุนีศรีธรรมราช”

                          - พระราชทาน เรือชื่อ “ประสิทธิ” 1 ลำ

                          - พระพุทธรูปทองคำนั่งขนาดหน้าตัก 2 นิ้ว 1 องค์

                          - ตราฉลุด้วยงาช้าง 1 ดวง

                   (4) พระแตงโม วัดแหลมพ้อ (สมเด็จเจ้าเกาะยอ) มีภูมิลำเนาอยู่ที่วัดแหลมพ้อเกาะยอ จังหวัดสงขลา เป็น “พระราชมุนีญาณโมลี”

                          - พระราชทาน เรือชื่อ “มณีสาร” 1 ลำ

                          - พระพุทธรูปทองคำนั่งขนาดหน้าตัก 2 นิ้ว 1 องค์

                          - ตราฉลุด้วยงาช้าง 1 ดวง

                   (5) พระจวง จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดดีหลวง เป็น “พระราชเมาลีศรีปรมาจารย์ราชประชา” เพราะความดีที่ได้ชุบเลี้ยงอบรมและเป็นครูสอนหนังสือไทย-หนังสือขอม ให้กับหลวงปู่ทวดฯ สมัยยังเป็นเด็ก และเป็นอุปัชฌาย์ สามเณรให้ และให้ดูแลอุปการะวัดพะโค๊ะด้วย

                   อนึ่ง สำหรับเรือ “เทพนิมิต” ของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ได้ขุดพบเมื่อปี พ.ศ. 2529 โดยท่านได้เข้าฝันกำนันแดง ซึ่งเรือจมอยู่ในน้ำอ่าวทุ่งบัว ห่างจากชายฝั่งประมาณ 200 เมตร (จากคำบอกเล่าของพระเถี้ยม สัทธสีโล) ซึ่งขณะนั้นเป็นฆราวาสและได้ร่วมไปช่วยขุดเรือที่จมอยู่ด้วย) ซึ่งเป็นที่ฮือฮามากในขณะนั้น มีประชาชนจากทั้วสารทิศเดินทางไปดูเรือผุดที่วัด และปัจจุบันซากเรือยังอยู่ที่วัดสูงทุ่งบัว (ตัวเรือจริงกว้าง 5 เมตร ยาว 15 เมตร) แต่ซากเรือปัจจุบันเหลือประมาณ กว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร

                   ส่วนพระพุทธรูปทองคำ 1 องค์ ของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ซึ่งได้หายออกจากวัดทุ่งบัวไปหลายปี (ประมาณปี พ.ศ. 2485) ไม่มีใครทราบ ไม่มีใครเห็น และไม่มีใครรู้ว่าสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ได้สมณะศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้ามาได้อย่างไร ข้าพเจ้าได้อ่านบันทึกของคุณเผือก หนูประดิษฐ์ อดีตศึกษาธิการอำเภอระโนด แล้วรู้สึกว่าน่าจะลองตามหาพระพุทธรูปทองคำองค์นั้นดู แต่ก็มืดแปดด้าน (*ไม่ทราบว่าจะไปหาที่ไหน) ความหวังสุดท้าย ที่จะพึ่งได้อีกทางหนึ่ง คือข้าพเจ้า จุดธุป จุดเทียน ต่อหน้ารอยเท้าทวดพรหม และทวดเทพ ทวดสมิงพราย และได้เอ่ยปากชวนทวดทั้ง 2 คน ออกไปตามหาพระพุทธรูปทองคำรางวัลของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ และสิ่งที่คาดหมายไว้ก็เป็นจริงทุกประการ คือข้าพเจ้าตามหา คนที่ชื่อ ร.ต.ท.ภิภพ ธีระกุล ซึ่งอยู่หลังป้อมตำรวจหาดใหญ่ใน (ตามในบันทึก) ข้าพเจ้าได้ไปถาม ตำรวจหาดใหญ่ในว่า ป้อมตำรวจหาดใหญ่ในอยู่แถวไหน คำตอบที่ได้คือ ไม่มีป้อมตำรวจหาดใหญ่ใน ข้าพเจ้าก็เลยออกรถ ขับรถเข้าเขตหาดใหญ่ใน ข้าพเจ้าพูดขึ้นลอยๆ ว่า “ทวดพรหม” เราไปหากันเองดีกว่า ทวดช่วยนำทางผมไปหาด้วย ข้าพเจ้าพูดพลางขับรถไปพลางคนเดียว ข้าพเจ้าขับเข้าไปในซอยไปรษณีย์หาดใหญ่ใน เพื่อหาที่จอดรถหน้าบ้านเลขที่ 76-78 ถนนเพชรเกษม ซอย 35 ด้านในไปรษณีย์หาดใหญ่ใน ข้าพเจ้าลงไปถามเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

                   ข้าพเจ้า : น้องรู้จัก ร.ต.ท ภิภพ ธีระกุล หรือป่าวครับ

                   เด็กหนุ่ม (อูด) : บุคคลนี้เป็นคุณตาของผมเอง ท่านเสียชีวิตไป 20 กว่าปีแล้วครับ

                   ข้าพเจ้า : ??? (คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ข้าพเจ้าขนหัวพองขึ้นมาทันที)

                   เด็กหนุ่ม (อูด) : แต่ลูกๆของท่านยังอยู่ รวมถึงแม่ของผมด้วยครับ

                   ข้าพเจ้า : พี่ขอพบคุณแม่ของน้องสักหน่อยครับ เพราะมีเรื่องอยากรบกวนถามอะไรสักหน่อย

                              (เด็กหนุ่มได้ไปเรียกคุณแม่ (ป้าสมถวิล) และข้าพเจ้าได้เล่าสาเหตุที่มา พร้อมกับ

                               บัตรประชาชนให้ดู ให้ป้าสมถวิลรู้ว่าข้าพเจ้ามาแบบเปิดเผย ไม่อยากให้ป้าสมถวิล

                               ท่านกังวลใจในการมาของข้าพเจ้า)

                            : หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวที่ข้าพเจ้าตามหาพระพุทธรูปที่เป็นรางวัลของ

                              สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ตามบันทึกของคุณเผือก หนูประดิษฐ์ ที่พระเอกาทศรถและ

                              พระสังฆราช พระราชทานให้เป็นรางวัลกับสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2149

                              ซึ่งคุณป้าสมถวิลแปลกใจมาก จึงถามข้าพเจ้าว่า

                   ป้าสมถวิล : หลานรู้ได้อย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลย และพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ก็อยู่

                               ที่นี้มาประมาณ 70 ปีแล้ว คือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485

                   ข้าพเจ้า : ถ้าผมพูดไปไม่ทราบว่าคุณป้าจะเชื่อผมหรือไม่ เพราะผมมากับทวดพรหมและทวด

                              เทพ มาตามหาพระพุทธรูปทองคำของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ เพราะว่าทวดทั้งสอง

                              คนนี้ เคยเป็นลูกศิษย์ของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ และตอนนี้ผมกำลังทำการก่อสร้าง

                              อุโบสถอยู่ที่วัดทุ่งบัว เพราะทวดพรหมมานิมิตฝัน ให้กระผมทำการก่อสร้างอุโบสถ

                                 ตอนนี้ผมกำลังทำตามนิมิตฝันของกระผมอยู่ ถ้าคุณป้าไม่เชื่อกระผม คุณป้าจะไปดู

                              ที่วัดทุ่งบัวเมื่อไหรก็ได้

                   ป้าสมถวิล : เดี๋ยวป้าจะไปดูนะ

                                  (รุ่งเช้าป้าสมถวิลได้เดินทางไปกับน้องสาว และลูกชาย (อูด)

                               : วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555 ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมคุณป้าสมถวิลที่บ้าน คุณป้าก็

                                 เล่าตอนที่ได้พระพุทธรูปทองคำองค์นั้นมา ให้ข้าพเจ้าฟัง

                   ป้าสมถวิล : ตอนนั้น ร.ต.ท ภิภพ ธีระกุล (คุณพ่อของป้าสมถวิล) ประจำอยู่ที่อำเภอระโนด 

                                 (ขณะนั้นติดยศ สิบโท (พ.ศ.2485)) ได้ไปตรวจราชการที่เกาะใหญ่ และได้

                                 อาศัยพักที่วัดทุ่งบัว เพราะไม่มีที่พักตำรวจหรือโรงพัก พอจะกลับอำเภอระโนด                                         ท่านร.ต.ท ภิภพ ธีระกุล ก็เอ่ยปากขอพระพุทธรูปจากเจ้าอาวาส (พ่อท่านแจ้ง)                              ท่านเจ้าอาวาสบอกให้เข้าไปเลือกเอาได้เลยในกุฏิ ท่านร.ต.ท ภิภพ ธีระกุล ก็

                                 เลือกเอาพระพุทธรูปทองคำองค์นั้น โดยที่ท่านไม่รู้ และท่านเจ้าอาวาสก็ไม่รู้ว่า

                                 พระพุทธรูปทองคำองค์นั้น เป็นรางวัลของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ที่พระเอกาทศรถ

                                 และพระสังฆราชพระราชทานให้ เพิ่งมารู้ในภายหลัง ตอนที่คุณเผือก หนู

                                 ประดิษฐ์ ตามหาและไปเจอท่านเขียนประวัติหลวงปู่ทวด  

                          : ข้าพเจ้าได้ไปพบคุณป้าสมถวิล ได้เห็น ได้ชม ได้จับต้องพระพุทธรูปทองคำองค์นั้น

                             แล้ว และข้าพเจ้าขออนุญาต คุณป้าสมถวิลถ่ายรูปพระพุทธรูปทองคำองค์นั้น ให้ทุก

                            ท่านได้เห็นว่ารางวัลของสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่มีจริง ไม่ใช่เป็นเพียงตำนาน

 

                   ***ตอนแรกที่เกาะใหญ่ ผู้คนนับถือศาสนาอินดู เมื่อท่านสมภารเกตุได้นำผู้คนหนีโรคร้ายมาจากปัตตานี มาขึ้นที่เกาะใหญ่ และได้ยึดเกาะใหญ่เป็นที่พักพิง ก็เริ่มก่อสร้างวัดสูงเกาะใหญ่ และได้นำพุทธศาสนามาเผยแพร่ ทำให้ผู้คนที่นับถือศาสนาอินดูหันมานับถือศาสนาพุทธมากยิ่งขี้น และต่อมาวัดสูงเกาะใหญ่รุ่งเรืองมากในสมัยนั้น ตามหลักฐานที่ตกค้างอยู่ ทั้งนี้ในภายหลังวัดสูงเกาะใหญ่คงจะถูกทำลายด้วยกองโจร     อุชงตระ กองโจรที่เผยแพร่ศาสนาอิสลาม หลังจากนั้นสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่เลยลงมาสร้างสำนักสงฆ์ที่วัดสูงทุ่งบัว เพราะอยู่ใกล้ชาวบ้าน สะดวกในการบิณฑบาต และได้เจอทวดพรหม ทวดเทพ ตอนออกธุดงค์ในป่าริมห้วย    (ที่สวนตาเคว็ต) ได้รับทวดทั้ง 2 คนเป็นลูกศิษย์ เลยสอนวิชาเสือสมิงให้ เพื่อให้ทั้งสองคนไปสู้กับกองโจรอุชงตระแทนท่าน เพราะสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ชราภาพมากแล้ว และไม่ต้องการสร้างเวรสร้างกรรมอีก และสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ คงจะมรณภาพที่วัดสูงทุ่งบัว (สำนักสงฆ์) ในปัจจุบัน

 

*******************************************

             
     
     
 
 
     
   
 

อ้างอิง : หนังสือประวัติสมเด็จเจ้า 5 รูป ในโอกาสทำเหรียญสมเด็จเจ้าและพิมพ์หนังสือประวัติ จากวัดสูงทุ่งบัว

         : คำบอกเล่าของพระเถี้ยม สัทธสีโล วัดสูงทุ่งบัว

เรียบเรียง : งานส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เทศบาลตำบลกระแสสินธุ์